มือชา นิ้วชา หยิบจับอะไรรู้สึกคล้ายจะไม่มีแรง ต้องระวัง!
อีกหนึ่งปัญหาที่พบได้จากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนในปัจจุบัน “พังผืดที่ข้อมือหนาตัวกดทับเส้นประสาท” พังผืดที่ข้อมือหนาตัวมากขึ้นจะทำให้เกิดอาการชาบริเวณมือ นิ้วมือ สำหรับที่นิ้วนั้นมักพบมากที่นิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง นอกจากนี้ยังมีอาการปวดชามากเวลากลางคืน มืออ่อนแรง เรียกได้ว่าไม่แรงที่จะหยิบจับสิ่งของกันเลย ทั้งการเคลื่อนไหวใช้งานมือไม่เป็นดังเช่นปกติ หรือหากเป็นมากจะทำให้มีปัญหากล้ามเนื้อที่มือฝ่อร่วมด้วย
ใช้งานมือบ่อยๆ ซ้ำ ๆ ที่มาปัญหาพังผืดหนาตัว
พังผืดที่ข้อมือหนาตัวและกดทับเส้นประสาท มักพบในคนทำงานที่ต้องใช้ข้อมือในลักษณะกำ เหยียด ขยับข้อมือขึ้น-ลง บิดข้อมือบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ อย่างแม่บ้าน เชฟ เกมเมอร์ ที่ต้องใช้เมาส์ตลอดเวลา พนักงานออฟฟิศที่ต้องพิมพ์งานเป็นประจำ นักเขียน ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซต์ ช่าง ชาวไร่ชาวสวน หรือแม้แต่บุคคลทั่วไปที่ชอบเล่นมือถือ เล่นคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ เรียกว่าใครที่ต้องใช้งานมือบ่อย ๆ ซ้ำๆ ในท่าที่กล่าวไปข้างต้นก็นับได้ว่ามีความเสี่ยงกับการเป็นพังผืดที่ข้อมือหนาตัวกกดทับเส้นประสาทได้
ตรวจคัดกรองอย่างเป็นระบบเพื่อการรักษาที่ตรงจุด
การตรวจวินิจฉัยแพทย์จะทำได้โดยการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจเพิ่มเติมเพื่อแยกระดับของโรค โดยสามารถทำได้ด้วยการตรวจคลื่นไฟฟ้าวินิจฉัย (Electrodiagnosis) ระยะของโรคสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ 1. ระดับที่เป็นไม่มาก 2. ระดับปานกลาง และ 3. ระดับที่เป็นมาก ซึ่งใน 2 ระดับแรกนั้นสามารถตรวจคัดกรองเพื่อยืนยันด้วย EMG แต่ในระดับที่ 3 ที่เป็นมากสามารถตรวจยืนยันด้วยเครื่อง EMG หรือจากการตรวจร่างกายโดยแพทย์ เพราะโดยส่วนใหญ่จะมีอาการแสดงที่บ่งชี้ที่ชัดเจน นั่นก็คือมีอาการกล้ามเนื้อที่มือฝ่อ หยิบจับสิ่งของได้ไม่ดี เพราะไม่มีแรง
แนวทางการรักษา
แนวทางการรักษาหลัก มี 2 แนวทาง ได้แก่ การทานยาและการผ่าตัด
- การทานยา วิธีนี้จะใช้ในกรณีที่พังผืดยังอยู่ในระยะที่ 1 และ 2 โดยแพทย์จะให้ทานยา และเพิ่มขนาดยาตามความเหมาะสมกับแต่ละบุคคล ร่วมกับการพักการใช้มือ ใส่อุปกรณ์พยุงข้อมือ โดยเฉลี่ยจะใช้เวลาในการรักษาด้วยวิธีนี้ประมาณ 3-6 เดือน
- การผ่าตัด แพทย์จะเลือกวิธีการผ่าตัดตามความเหมาะสมกับแต่ละบุคคล เช่นในกรณีที่รักษาด้วยวิธีการทานยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น ผู้ที่มีอาการอยู่ในระดับที่เป็นมากมีกล้ามเนื้อที่มือฝ่อ หรือในกรณีที่ไม่พร้อมจะรักษาด้วยการทานยา เพราะผลข้างเคียงของยาโดยส่วนใหญ่จะง่วง ผู้ป่วยบางคนไม่สามารถทนต่อผลข้างเคียงของยาจึงเลือกวิธีการผ่าตัด
วิธีการผ่าตัด
- การผ่าตัดแบบเปิด (Open carpal tunnel release) แพทย์จะผ่าตัดเปิดแผลมีความยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร เพื่อให้สามารถเห็นเส้นประสาทโดยตรงในขณะผ่าตัด แผลจะอยู่บริเวณฝ่ามือถึงข้อมือในลักษณะแนวตั้ง โดยหลังผ่าตัดในระยะแรกหากเริ่มใช้งานข้อมือก็อาจจะรู้สึกเจ็บที่แผลได้ และส่วนใหญ่จะต้องหยุดพักมือประมาณ 2 เดือน จึงจะสามารถกลับมาใช้งานมือได้ดังเช่นปกติ
- การผ่าตัดผ่านกล้องเอนโดสโคป (Endoscopic Carpal Tunnel Release :ECTR) แผลผ่าตัดจะมีขนาดเล็กประมาณ 1 เซนติเมตร แผลจะเป็นแบบแนวนอนอยู่บริเวณข้อมือ ทำให้หลังผ่าตัดหากไม่สังเกตจะไม่ค่อยเห็นรอยแผลเพราะกลมกลืนไปกับผิวหนังในบริเวณนั้น การผ่าตัดพังผืดที่ข้อมือโดยใช้กล้องเอนโดสโคปแพทย์มักเลือกใช้กับผู้ที่ต้องการผ่าตัดพังผืดที่ข้อมือพร้อมกันทีเดียว 2 ข้าง และวิธีสามารถผ่าตัดได้กับผู้ที่มีอาการในทั้ง 3 ระดับ แต่จะไม่นิยมทำในระดับที่เป็นมากที่มีอาการกล้ามเนื้อที่มือฝ่อร่วมด้วย ภายหลังจากการผ่าตัด ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิด และเมื่อไม่ค่อยรู้สึกเจ็บแผลจึงทำให้ใช้งานข้อมือได้เร็ว และโดยส่วนใหญ่จะกลับมาใช้งานมือได้แบบปกติภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน จึงเรียกได้ว่าวิธีการผ่าตัดผ่านกล้องเอนโดสโคปเหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนทำงานในสังคมปัจจุบันเป็นอย่างมาก
พังผืดที่ข้อมือหนาตัวสาเหตุหลักเกิดจากการใช้งานมือ ดังนั้น เพื่อช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดโรค เราทุกคนควรลดการใช้งานมือ ปรับท่าทางในการใช้มืออย่างเหมาะสม อาจจะแช่มือในน้ำอุ่นบ้างเพื่อเป็นการผ่อนคลาย และท้ายที่สุดแล้วหากรู้สึกเกิดความผิดปกติที่มือเมื่อใด ก็ควรรีบเข้ารับการรักษากับแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมทางมือ เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามือที่ใช้สร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ในชีวิตของคุณจะได้รับการรักษาเป็นอย่างดีจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง