ปัจจัยที่ทำให้เกิดริดสีดวงทวารหนัก มีอะไรบ้าง
- ภาวะท้องผูกเรื้อรัง
- ท้องเสียถ่ายอุจจาระบ่อย ๆ
- อุปนิสัยเบ่งอุจจาระอย่างมากเพื่อพยายามขับอุจจาระก้อนสุดท้ายให้ออกไป
- อุปนิสัยใช้เวลานั่งถ่ายอุจจาระนาน เช่น อ่านหนังสือขณะถ่ายอุจจาระ
- ชอบใช้ยาสวนอุจจาระ หรือยาระบายพร่ำเพรื่อ
- หญิงตั้งครรภ์ทำให้ถ่ายอุจจาระไม่สะดวก
- ภาวะโรคตับแข็งทำให้เลือดดำไหลเข้าตับไม่ได้ ทำให้เส้นเลือดดำบริเวณทวารหนักโป่งพอง
- อายุสูงวัยขึ้นทำให้กล้ามเนื้อหย่อนยานลงจนทำให้เบาะรองเลื่อนลงมาจนยื่นออกมาจากทวารหนัก
- โดยไม่ทราบสาเหตุพบว่าบุคคลที่มีประวัติในครอบครัวเป็นริดสีดวงทวารหนัก จะมีโอกาสเป็นโรคนี้สูงกว่าปกติ
ถ้าหากเรามีอาการดังต่อไปนี้.. ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจทวารหนัก
🔹 มีเลือดออกหลังถ่ายอุจจาระ
🔹 มีก้อนยื่นออกมาขณะถ่ายอุจจาระ
🔹 ทวารหนักเปียกแฉะ คันรอบๆ ปากทวารหนัก
🔹 มีอาการอักเสบของริดสีดวง และเจ็บบริเวณทวารหนัก
🔹 คลำพบก้อนบริเวณทวารหนัก
ทั้งนี้ อาการของริดสีดวงทวารภายใน สามารถแบ่งออกเป็น 4 ระยะ
ระยะที่ 1 : มีเลือดออกหลังขับถ่ายอุจจาระ แต่หัวริดสีดวงจะอยู่ภายในรูทวารหนัก…ยังไม่ยื่นออกมา
ระยะที่ 2 : หัวริดสีดวงโผล่ออกมาในขณะขับถ่ายอุจจาระ และหดกลับได้เอง
ระยะที่ 3 : หัวริดสีดวงยื่นออกมาขณะขับถ่ายอุจจาระ…และต้องใช้มือดันให้หดกลับเข้าไป
ระยะที่ 4 : หัวริดสีดวงยื่นออกมา…และใหญ่เกินกว่าจะหดกลับเข้าไปได้
หากพบสัญญาณของริดสีดวง เราอาจไม่รู้ระดับความรุนแแรงของโรค หรือไม่อาจรู้ได้ว่าการถ่ายเป็นเลือดนั้นอาจเป็นอาการของโรคที่รุนแรงกว่า เช่น มะเร็งลำไส้! จนกว่าจะได้รับการตรวจประเมินภาวะริดสีดวง ด้วยการใช้เครื่องมือ Procto scope สอดเข้าทางทวารหนัก จะช่วยให้เรารู้ระดับความรุนแรงของโรค เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไปได้