นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้เข้ารับบริการตรวจและรักษาโรค
บริษัท โรงพยาบาลพญาไท 3 จำกัด
บริษัท โรงพยาบาลพญาไท 3 จำกัด ในฐานะผู้ประกอบกิจการโรงพยาบาลพญาไท 3 (“เรา” หรือ “สถานพยาบาล“) มุ่งมั่นที่จะปกป้องความเป็นส่วนตัวของท่าน ซึ่งนโยบายต่อไปนี้คือแนวทางที่เราปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ไม่ว่าจะเป็น การเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย (เรียกรวมกันว่า “การประมวลผล”) และการปกป้องซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้กับเรา เพื่อใช้บริการจากเรา
- คำนิยาม
- “นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้เข้ารับบริการตรวจและรักษาโรคบริษัท โรงพยาบาลพญาไท 3 จำกัด ฉบับนี้
- “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม รวมทั้งเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพแต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
- “ข้อมูลการรักษาพยาบาล” หมายถึง ข้อมูลดังต่อไปนี้
- วันเดือนปี ที่ข้าพเจ้าเคยเข้ารับการรักษา
- ประวัติแพ้ยา และประวัติผลข้างเคียงจากยา
- ประวัติแพ้อาหาร
- ชื่อโรคที่ได้รับการวินิจฉัย ชื่อหัตถการ และชื่อการผ่าตัด
- ผลเลือด ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ ผลตรวจชิ้นเนื้อทางพยาธิวิทยา ภาพถ่ายทางรังสีวิทยา และรายงานผลการตรวจทางรังสีวิทยา
- รายการยาที่แพทย์ได้สั่ง
- ข้อมูลที่จำเป็นต่อการให้บริการทางการแพทย์
- “สถานพยาบาลในเครือข่าย” หมายถึง สถานพยาบาลในกลุ่มหรือในเครือข่ายของเครือโรงพยาบาลพญาไทและโรงพยาบาลเปาโล ทั้งที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่จะมีขึ้นในอนาคตไม่ว่าจะประกอบกิจการในประเทศไทยหรือในต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงสถานพยาบาลที่ประกอบกิจการโดย บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ด้วย
- “บริษัทในเครือข่าย” หมายถึง บริษัทในกลุ่มหรือในเครือข่ายของเครือโรงพยาบาลพญาไทและโรงพยาบาลเปาโล ทั้งที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่จะมีขึ้นในอนาคตไม่ว่าจะจดทะเบียนทั้งในประเทศไทยหรือในต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ซึ่งใช้ระบบจัดเก็บข้อมูลร่วมกัน
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่เราจะประมวลผล
- เราจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังนี้ ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล เพศ อายุ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน ข้อมูลการรักษาพยาบาล ข้อมูลทางการเงิน และข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็นต้องใช้เพื่อประกอบการตรวจรักษาโรค และให้บริการแก่ท่าน
- เราอาจจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลอ่อนไหว เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับสภาวะสุขภาพทางร่างกายหรือจิตใจ ซึ่งรวมถึงข้อมูลการรักษาพยาบาล หรือข้อมูลอื่นใดในลักษณะเดียวกัน
- แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
- เราจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านโดยตรง
- เราอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากบุคคลที่สาม ดังนี้
- บุคคลที่มีความใกล้ชิดกับท่าน เช่น ญาติ คู่สมรส เป็นต้น
- สถานพยาบาลในเครือข่ายในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับสถานพยาบาลเครือข่ายไว้
- บุคคลที่สามตามที่ท่านได้ทำสัญญาไว้ เช่น บริษัทที่ข้าพเจ้าสมัครงานหรือรับข้าพเจ้าเข้าทำงาน ไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ เช่น ทางการพูดคุยสอบถาม ทางโทรศัพท์ หรือทางเอกสาร เป็นต้น
- บุคคล นิติบุคคลหรือหน่วยงานไม่ว่าภาครัฐ เอกชน หรือรัฐวิสาหกิจที่เป็นผู้ส่งท่านมาตรวจรักษากับเราหรือเป็นผู้ชำระค่าบริการตรวจรักษาให้กับท่าน
- วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูล
เราจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ดังนี้
- เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจ รักษาโรคและให้บริการทางการแพทย์
สถานพยาบาลจะดำเนินการดังต่อไปนี้
- คณะแพทย์ พยาบาล และ/หรือ บุคลากรอื่นๆ ในทีมสุขภาพของสถานพยาบาลจะทำการบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน นำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว เพื่อติดตามการรักษา และ/หรือ กระทำการใดๆ ตามหลักวิชาชีพที่เกี่ยวข้องตลอดระยะเวลาที่ท่านเข้าอยู่รับการตรวจรักษาโดยเราจะอธิบายข้อมูลรายละเอียดให้ท่านได้เข้าใจก่อนที่จะดำเนินการ อีกทั้งเปิดโอกาสให้ท่านซักถามจนเป็นที่พอใจ
- คณะแพทย์ พยาบาล และ/หรือ บุคลากรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องของสถานพยาบาลสามารถประมวลผล เข้าถึง ทำสำเนาและโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่มีอยู่กับสถานพยาบาลและสถานพยาบาลในเครือข่าย และสถานพยาบาลในเครือข่ายอาจประมวลผล เข้าถึง ทำสำเนา และโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่มีอยู่กับสถานพยาบาล เพื่อประโยชน์ในการให้บริการทางการแพทย์แก่ท่าน
ทั้งนี้ สถานพยาบาลอาจมีความจำเป็นต้องโอนข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลการรักษาพยาบาลของท่านไปยังต่างประเทศเพื่อประโยชน์ในการรักษาพยาบาลหรือตามคำร้องขอของท่านไม่ว่าประเทศนั้นจะมีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลถึงเกณฑ์หรือไม่ถึงเกณฑ์มาตรฐานของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย ในกรณีดังกล่าวสถานพยาบาลจะปฏิบัติตามขั้นตอนที่เหมาะสมในการคุ้มครองรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสถานพยาบาลจะเปิดเผย และส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แก่ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุข และสถานพยาบาลที่ให้บริการรักษา ในกรณีที่ต้องใช้ข้อมูลระหว่างสถานพยาบาลเพื่อการรักษาพยาบาล
- เพื่อวัตถุประสงค์ในการการศึกษาวิเคราะห์สำหรับการพัฒนาคุณภาพของการรักษาพยาบาล
เราอาจนำข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลการรักษาพยาบาลซึ่งเป็นข้อมูลอ่อนไหวของท่าน ซึ่งรวมถึงข้อมูลผลการตรวจสุขภาพ และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของท่าน เช่น ผลการตรวจรักษา ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ หรือทางรังสีวิทยา เป็นต้น ไปใช้เพื่อการศึกษาวิเคราะห์สำหรับการพัฒนาคุณภาพของการรักษาพยาบาล ทั้งนี้สถานพยาบาลและบุคลากรของสถานพยาบาลมีหน้าที่รักษาความลับของข้อมูลดังกล่าวของท่านอย่างเคร่งครัด
- เพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้สิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยหรือใช้สิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลจากบุคคลที่สามซึ่งเป็นบุคคลหรือนิติบุคคลทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
เราอาจจำเป็นต้องเปิดเผย และ/หรือส่งสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่มีอยู่กับสถานพยาบาลให้บริษัทประกันภัย หรือผู้ให้บริการบริหารจัดการสินไหมทดแทนของบริษัทประกันภัยนั้น เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านได้ทำหรือจะทำไว้กับบริษัทประกันภัย รวมถึงบุคคลที่สามตามที่ท่านมีสัญญาต่อกัน หรือบุคคล นิติบุคคลหรือหน่วยงานไม่ว่าภาครัฐ เอกชน หรือรัฐวิสาหกิจที่เป็นผู้ส่งท่านมาตรวจรักษากับสถานพยาบาลหรือเป็นผู้ชำระค่าบริการตรวจรักษาให้แก่ท่าน
- เพื่อวัตถุประสงค์ในการเชื่อมโยงฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้านเวชระเบียนระหว่างสถานพยาบาลและการใช้บริการทางการแพทย์ผ่านทางโมบายแอพพลิเคชั่นและเว็บไซต์
เราอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ในรูปแบบของโมบายแอพพลิเคชั่นและเว็บไซต์ ซึ่งเป็นระบบการเชื่อมโยงฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้านเวชระเบียนระหว่างสถานพยาบาลในเครือข่ายเพื่อให้ท่านสามารถเรียกดูข้อมูลส่วนบุคคล ของท่านผ่านอุปกรณ์ต่างๆ และอำนวยความสะดวกแก่สถานพยาบาลหรือสถานพยาบาลในเครือข่ายในกรณีการให้คำปรึกษาแก่ท่านทางโทรศัพท์หรืออุปกรณ์สื่อสารอื่นใด
- เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดของสถานพยาบาล
สถานพยาบาลและบริษัทในเครือข่าย อาจทำการเก็บรวบรวม ใช้ และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวิเคราะห์สภาวะสุขภาพของท่านและติดต่อเพื่อสื่อสาร ส่งข้อมูลข่าวสารด้านการแพทย์ และนำเสนอโปรโมชั่น สินค้าและบริการ แก่ท่านตามที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้
- ประเภทของหน่วยงานหรือบุคคลที่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้
- สถานพยาบาลอาจจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่หน่วยงานราชการ หน่วยงานผู้มีอำนาจหรือบุคคลใดๆ เมื่อมีกฎหมายกำหนดหรือให้อำนาจ รวมถึงการปฏิบัติตามคำสั่งศาล
- สถานพยาบาลอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้สถานพยาบาลในเครือข่าย บริษัทในเครือข่าย บริษัทประกันภัย ผู้ให้บริการบริหารจัดการสินไหมทดแทนของบริษัทประกันภัยนั้น สถานพยาบาลที่รับการส่งต่อผู้ป่วย ผู้ส่งท่านมาตรวจรักษากับสถานพยาบาล ผู้ชำระค่าบริการตรวจรักษาของท่านทั้งอยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ
- สถานพยาบาลอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลที่สามซึ่งเป็นตัวแทน ผู้รับจ้าง หรือผู้ให้บริการของสถานพยาบาลซึ่งเป็นบุคคลภายนอกทั้งที่จดทะเบียนในประเทศไทยและต่างประเทศที่ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ การจัดทำข้อมูล การโทรคมนาคม ระบบคอมพิวเตอร์ การชำระเงิน หรือการให้บริการด้านเทคโนโลยี (Technology Outsource) โดยสถานพยาบาลมีนโยบายอย่างเคร่งครัดในการเปิดเผยข้อมูลของท่านเท่าที่จำเป็นภายใต้บทบัญญัติของกฎหมาย
- สถานพยาบาลอาจจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้ในระบบประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) โดยใช้บริการจากบุคคลที่สามไม่ว่าตั้งอยู่ในประเทศไทยหรือต่างประเทศ โดยสถานพยาบาลได้เข้าทำสัญญากับบุคคลดังกล่าวด้วยความระมัดระวังและพิจารณาถึงระบบรักษาความปลอดภัยในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอย่างเต็มความสามารถแล้ว
- ระยะเวลาในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
- สถานพยาบาลจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระบบของสถานพยาบาลเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 5 ปี นับแต่วันที่สถานพยาบาลได้จัดทำหรือแก้ไขเพิ่มเติมเอกสารที่มีข้อมูลดังกล่าว อันเป็นระยะเวลาที่พึงคาดหมายว่าจะใช้ในการรักษาอาการเจ็บป่วยและติดตามอาการหลังได้รับการรักษา หรืออาจมากกว่าระยะเวลาดังกล่าวในกรณีที่สถานพยาบาลยังสามารถประมวลผลข้อมูลดังกล่าวได้โดยชอบด้วยกฎหมายหรือเพื่อประโยชน์ในการรักษาพยาบาลของท่านหรือตามที่ท่านร้องขอเว้นแต่กรณีที่กฎหมายกำหนดให้เก็บข้อมูลดังกล่าว
- ในระยะเวลาที่นานกว่านั้นเมื่อพ้นระยะเวลาตามข้อ แล้ว สถานพยาบาลจะดำเนินการทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้นตามขั้นตอนการทำลายข้อมูลของสถานพยาบาล
- มาตรการในการเก็บรักษาและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
- สถานพยาบาลจะจัดการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลด้วยมาตรการไม่น้อยกว่าระดับที่กฎหมายกำหนด และด้วยระบบที่เหมาะสม เพื่อป้องกันและรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เช่น ใช้โปรโตคอลความปลอดภัย (Secure Sockets Layer: SSL) ปกป้องด้วยไฟร์วอลล์ รหัสผ่าน และมาตรการทางเทคนิคอื่นๆ สำหรับการเข้ารหัสข้อมูลผ่านทางอินเตอร์เน็ต
- สถานพยาบาลจะจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าที่จัดเก็บในระบบอินเตอร์เน็ต ระบบโปรแกรมใดๆ หรือในรูปแบบเอกสารไว้เฉพาะบุคลากร ที่มีความจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้
- ในกรณีที่เป็นข้อมูลอ่อนไหวสถานพยาบาลจะจัดให้มีมาตรการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในด้านการเข้าถึงและควบคุมการใช้งาน มีระบบการใช้งานและระบบสำรองพร้อมทั้งแผนสำหรับกรณีฉุกเฉิน และมีการตรวจสอบประเมินความเสี่ยงของระบบอย่างสม่ำเสมอ
- การโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ
สถานพยาบาลอาจโอนข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลการรักษาพยาบาลของท่านไปยังต่างประเทศเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้ โดยสถานพยาบาลอาจส่งข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลการรักษาพยาบาลของท่านออกนอกประเทศไทยไปยังบุคคลหรือหน่วยงานที่อยู่ในประเทศอื่น หรือภายใต้เขตอำนาจกฎหมายของประเทศอื่น ไม่ว่ากฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในประเทศนั้นอาจถึงเกณฑ์หรือไม่ถึงเกณฑ์มาตรฐานของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย ทั้งนี้ สถานพยาบาลจะปฏิบัติตามขั้นตอนที่เหมาะสมในการคุ้มครองรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลการรักษาพยาบาลของท่าน
- สิทธิและการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล/เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องของสถานพยาบาลได้ ตามรายละเอียดการติดต่อ ในข้อถัดไป เพื่อยื่นคำร้องขอดำเนินการตามสิทธิที่กฎหมายกำหนดดังต่อไปนี้
- ท่านมีสิทธิเข้าถึงข้อมูลของตนที่สถานพยาบาลเก็บรักษาไว้ รวมถึงขอรับสำเนาข้อมูลและขอให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับสถานพยาบาลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่นหรือตัวท่านเอง
- ท่านมีสิทธิคัดค้าน หรือระงับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านได้
- ท่านมีสิทธิขอให้สถานพยาบาลแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ได้ และอาจขอให้สถานพยาบาลลบ หรือทำลาย หรือเปิดเผยแหล่งที่มาของข้อมูลของท่านได้ในกรณีที่ไม่ได้ให้ความยินยอม
- ในกรณีที่ท่านพบว่าสถานพยาบาล หรือบุคลากรของสถานพยาบาลใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านไม่เป็นไปตามที่ท่านได้อนุญาตไว้ ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้
- ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้แล้วกับสถานพยาบาลได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับสถานพยาบาล เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมโดยกฎหมายหรือโดยสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน
ทั้งนี้ ท่านรับทราบว่าการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอาจส่งผลให้ขาดความสะดวกและอาจเกิดความล่าช้าในเข้าถึงข้อมูลประวัติการรักษาเมื่อเข้ารับการรักษาจากสถานพยาบาลและ/หรือสถานพยาบาลในเครือข่ายหรือการใช้งานผ่านทางแอพพลิเคชั่นของสถานพยาบาล หรืออาจส่งผลให้บริษัทประกันภัย หรือผู้ส่งตัวท่านมาตรวจรักษา หรือผู้ชำระค่าบริการตรวจรักษาของท่านไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาที่มีต่อท่านได้ แล้วแต่กรณี อย่างไรก็ตาม การถอนความยินยอมย่อมไม่กระทบถึงการใดๆ ที่สถานพยาบาล สถานพยาบาลในเครือข่าย หรือบริษัทในเครือข่ายได้กระทำไปตามความยินยอมของท่านก่อนการเพิกถอนดังกล่าว
- ข้อมูลการติดต่อ
ท่านสามารถติดต่อผู้ควบคุมข้อมูล สอบถามหรือใช้สิทธิใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล ได้ที่
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
- การติดต่อสอบถามหรือใช้สิทธิใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจรักษา สามารถติดต่อได้ที่โรงพยาบาลพญาไท 3
แผนกลูกค้าสัมพันธ์ เลขที่ 111 ถนนเพชรเกษม แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร 10160เบอร์โทรศัพท์ 02-467-1111 ต่อ 3137 – 3140
- การติดต่อสอบถามหรือใช้สิทธิใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล สามารถติดต่อได้ที่:
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทโรงพยาบาลพญาไท 3 จำกัด (โรงพยาบาลพญาไท 3)
ตั้งอยู่เลขที่ 111 ถนนเพชรเกษม แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร 10160
อีเมล…………PT3_DPO@phyathai.com…………..
- การเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เราอาจทบทวนและเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้เป็นครั้งคราวเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของการให้บริการและการดำเนินงานของเรา ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นจากท่าน รวมถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเราจะแจ้งให้ท่านทราบและยินยอมทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าว เพื่อรักษาสิทธิของท่านและเพื่อให้ท่านทราบแนวทางที่เราใช้ในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านรับทราบว่านโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของหนังสือให้ความยินยอมรับการตรวจรักษาทั่วไป และเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล