ลูกที่มาจากหัวใจแห่งรัก..และประสบการณ์แห่งความเชี่ยวชาญ
ชีวิตบางครั้งความไม่แน่นอนก็กลายเป็นความแน่นอน เพราะคงไม่มีใครคิดว่าการที่คุณพ่อคุณแม่อายุไม่มากที่เคยมีลูกชายวัยน่ารักวยวิธีธรรมชาติมาแล้ว แต่พอวางแผนจะมีลูกคนที่สองกลับไม่เป็นดังตั้งใจ เส้นทางของการรักษาภาวะผู้มีบุตรยากกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงเป็นความหวังของครอบครัว
คุณสุจิตรา จ่างใจมนต์ (คุณแม่) อายุ 36 ปี พนักงานบริษัทเอกชน ถ่ายทอดประสบการณ์แห่งชีวิตของการเป็นคุณแม่ที่ต้องมีหัวใจที่แข็งแกร่ง เพื่อส่งต่อเรื่องราวของพลังและกำลังใจเพื่อให้ทุกครอบครัวมีความหวังในการดูแลลูกน้อย
คุณสุจิตรา เล่าว่า ก่อนที่จะเข้ารับคำปรึกษากับศูนย์รักษาภาวะผู้มีบุตรยากที่โรงพยาบาลพญาไท 3 มีลูกชายวัย 5 ขวบ 6 เดือน 1 คนจากวิธีธรรมชาติ แต่เมื่อวางแผนจะมีลูกคนที่สองด้วยวิธีธรรมชาติตลอด 3 ปีกลับไม่เป็นผล จึงเริ่มหาข้อมูลแพทย์โรงพยาบาลพญาไท 3 ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดูแลภาวะผู้มีบุตรยาก และเมื่อพิจารณาจากประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญของแพทย์ และตารางเวลาการตรวจที่ครอบครัวเราสะดวกแล้ว จึงเลือก ผศ.นพ.สุวิทย์ ศุภภิญโญพงศ์ สูตินรีแพทย์ เชี่ยวชาญด้านภาวะผู้มีบุตรยากและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ให้เป็นผู้ดูแล และเหตุผลหลักที่ตั้งเป้าหมายว่าต้องเป็นโรงพยาบาลพญาไท 3 เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลที่เดินทางสะดวก ใกล้บ้าน อีกทั้งมั่นใจในบริการเพราะใช้บริการมาอย่างต่อเนื่อง
“คุณแม่กับคุณพ่อเข้ารับคำปรึกษากับคุณหมอสุวิทย์ในครั้งแรกได้รับคำแนะนำว่าให้ทำด้วยวิธีอิ๊กซี่ (ICSI) เพราะหลังจากที่มีลูกคนแรกแล้ว เคยรับการผ่าตัดท้องนอกมดลูกและตัดท่อนำไข่ด้านขวาออก ดังนั้นการที่จะมีลูกด้วยวิธีทั่วไปอย่างการรับประทานยากระตุ้นไข่ร่วมกับวิธีธรรมชาติโอกาสตั้งครรภ์จึงมีน้อย แต่การทำวิธีอิ๊กซี่จะมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น และนับว่าเราสองคนตัดสินใจได้ถูกต้องจริงๆ เพราะการทำอิ๊กซี่เพียงครั้งแรกก็ตั้งครรภ์แฝดทันที ซึ่งสิ่งที่คุณแม่และคุณพ่อประทับใจมากๆ คือคุณหมอจะให้ข้อมูลอย่างละเอียดในทุกขั้นตอน ทั้งรายละเอียดการทำ โอกาสความสำเร็จ โอกาสที่จะได้ลูกแฝด ความใส่ใจในการดูแลถึงความพร้อมของคุณแม่ก่อนใส่ตัวอ่อน และการให้เราได้ร่วมตัดสินใจเรื่องจำนวนตัวอ่อนที่จะใส่กลับเข้าโพรงมดลูก คุณหมอถามว่าจะให้ใส่ 1 ตัว หรือ 2 ตัว เราเลือกที่จะให้ใส่ 2 ตัว เพราะเราพร้อมที่จะดูแลไม่ว่าจะ 1 คน หรือแฝด (คุณแม่ยิ้มอย่างมีความสุข)”
ความสำเร็จที่รอคอย
คุณสุจิตรา เล่าต่อไปว่า หลังจากทำอิ๊กซี่เรียบร้อย คุณหมอแนะนำให้พักผ่อนมากๆ หลีกเลี่ยงการเดินขึ้นลงบันได เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จ และ 10 วันต่อมานัดเจาะเลือดและผลปรากฏค่าเลือดค่อนข้างสูงจึงทราบว่าน่าจะเป็นแฝด เมื่อความหวังถูกเติมเต็มย่อมสร้างความยินดีให้กับครอบครัว แต่ในขณะเดียวกันนั่นแปลว่าการเดินทางของชีวิตน้อยๆ กำลังเริ่มต้นขึ้น พร้อมไปกับการดูแลที่ต้องมากขึ้นตลอดระยะเวลา 9 เดือน
12 สัปดาห์แรกอาจจะเรียกได้ว่าเป็นระยะอันตราย คุณหมอแนะนำให้ดูแลตัวเองอย่างดี ต้องระมัดระวังการใช้ชีวิต ไม่ควรเดินทางไกล นอนพักผ่อนเยอะๆ และเข้ารับการฉีดยากันแท้งทุกสัปดาห์ แต่พอพ้นช่วงเฝ้าระวัง 12 สัปดาห์ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และโชคดีที่คุณแม่ไม่มีอาการแพ้ท้อง มีเพียงเวียนศีรษะเล็กน้อย
พัฒนาการด้านน้ำหนักเป็นไปตามเกณฑ์ที่คุณหมอแนะนำมาโดยตลอด แต่พอเข้าสู่สัปดาห์ที่ 24 น้ำหนักคุณแม่ขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงแอบกังวลเล็กน้อย คุณหมอจึงทำการตรวจอย่างละเอียดพบว่า “เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์” คุณหมอสุวิทย์ได้แนะนำให้ปรึกษากับ พญ.สุวรรณา ไชยชุมศักดิ์ แพทย์เฉพาะทางศูนย์เบาหวานและต่อมไร้ท่อ เพื่อช่วยดูแลอาการเบาหวาน
นอกจากแนวทางการดูแลตนเอง คุณหมอทั้งสองท่านได้อธิบายเรื่องเบาหวานขณะตั้งครรภ์อย่างละเอียด จึงทราบว่าส่งผลกระทบได้หลายด้าน ทั้งกับคุณแม่และทารกในครรภ์ เช่น ครรภ์เป็นพิษ หลังจากทารกเกิดมาอาจมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือแม่และทารกจะมีโอกาสเป็นเบาหวานได้มากกว่าคนทั่วไป ทำให้คุณแม่ยิ่งตระหนักในการดูแลตัวเองมากขึ้นเพื่อสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์ทั้ง 2 คน
“ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 27 จนถึงสัปดาห์ที่ 30 คุณแม่มีอาการป่วยเป็นหวัด ไอ ประกอบกับทำงานหนักเพราะพยายามสะสางงานที่รับผิดชอบ เพื่อเตรียมตัวพักผ่อนก่อนคลอด จึงทำให้ป่วยต่อเนื่องหลายสัปดาห์ สิ่งหนึ่งในการมาตรวจตั้งแต่ทราบผลตั้งครรภ์ คุณหมอสุวิทย์อธิบายให้ทราบว่าการตั้งครรภ์แฝดมีโอกาสที่จะคลอดก่อนกำหนดได้ เช่นเดียวกับผู้ที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ย่อมมีโอกาสคลอดก่อนกำหนด แต่ใครจะคาดคิดว่าการคลอดก่อนกำหนดที่อาจเกิดขึ้นจะมาถึงเร็วเพียงนี้”
มั่นใจและวางใจ
เมื่อสัญญาณบางอย่างเกิดขึ้น เท้าบวมมาก ปวดท้อง ท้องแข็ง ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ 30 ณ เวลานั้นไม่เคยคิดถึงเรื่องการคลอดก่อนกำหนด แต่เมื่อมีอาการน้ำเดินและคุณหมอตรวจอย่างละเอียดจึงทราบว่ามีโอกาสคลอดก่อนกำหนด ณ เวลานั้นเครียดมาก กังวลสุดๆ นั่งร้องไห้อย่างหนัก แต่คุณหมอพยายามช่วยประคับประคองให้คุณแม่สามารถตั้งครรภ์ต่อให้ได้นานที่สุด และในระหว่างนั้นคุณหมอกระตุ้นการทำงานปอดของทารกในครรภ์ให้พร้อมมากที่สุด แต่พอ 5 วันผ่านไป มีอาการท้องแข็ง มดลูกบีบตัวมากขึ้น มีมูกเลือด คุณหมอแจ้งว่าไม่สามารถยืดเวลาต่อไปได้ต้องคลอดแล้ว ถามว่ากังวลไหม? กังวลที่สุดค่ะ เครียดมากด้วย แต่การดูแลของคุณหมอ การให้ข้อมูลที่ละเอียดและชัดเจน ทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกมั่นใจและคลายความกังวลได้มาก จึงพร้อมที่ผ่าตัดคลอดเพื่อพบหน้าน้องมาร์วิชและน้องมาร์เวลล์ หลังคลอดถึงแม้ลูกต้องได้รับการดูแลต่อใน NICU ก็มั่นใจในคุณภาพและบริการของโรงพยาบาลพญาไท 3 ในวันนี้ถึงแม้เราจะต้องก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งการดูแลที่ต้องใช้พลังกายพลังใจอย่างมาก แต่เราก็มีความสุข เพราะครอบครัวเราจะมีสมาชิกที่มาเติมเต็มความรักครอบครัวนี้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น คุณสุจิตรา กล่าวปิดท้ายด้วยรอยยิ้ม
หมายเหตุ ผลการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
—
พญ. กุลธิดา ทรัพย์สมุทรชัย
สูตินรีแพทย์ เชี่ยวชาญด้านภาวะผู้มีบุตรยาก
และเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์
โรงพยาบาลพญาไท 3 : แผนกสูตินรีเวช โทร. 1772
www.phyathai3hospital.com หรือ http://www.facebook.com/phyathai3family