ความปรารถนาของคุณพ่อคุณแม่ทุกคนล้วนอยากให้ลูกน้อยเกิดมาพร้อมกับสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง มีพัฒนาการเติบโตตามวัย แต่เมื่อรู้สึกว่าลูกน้อยของเรา “หัดเดินช้าหรือ มีพัฒนาการช้าไปหรือเปล่า?” หากคุณพ่อ คุณแม่ท่านใดที่เกิดความกังวลใจเหล่านี้มาลองเช็คดูกันว่า อาการผิดปกติที่ส่งผลทำให้ลูกหัดเดินช้าเกิดจากอะไร เกี่ยวข้องกับความบกพร่องทางด้านพัฒนาการด้านร่างกายหรือไม่มีข้อเปรียบเทียบระหว่างลูกของเรากับลูกของคนอื่นในวัยเดียวกันแล้ว
แบบไหน..เรียกพัฒนาการด้านร่างกายของลูกน้อยช้า
คำว่าพัฒนาการด้านร่างกาย (physical development) คือ ความสามารถของร่างกายในการทรงตัว และการเคลื่อนไหว โดยการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ (gross motor) เช่น การเดิน และการขีดเขียน การใช้มือ และตาประสานกันในการทำกิจกรรมต่าง ๆ (fine motor-adaptive) ซึ่งพัฒนาการทางด้านร่างกายช้านั้น หมายถึง เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้ากว่าเด็กปกติในวัยเดียวกัน ซึ่งแม้ว่าเด็กแต่ละคนจะมีพัฒนาการที่แตกต่างกัน แต่การเรียนรู้ของเด็กมักเกิดขึ้นตามลำดับเหมือน ๆ กัน เช่น เด็กส่วนใหญ่จะเริ่มคลานได้ก่อนเดินหรือ สามารถส่งเสียงได้ก่อนที่จะเริ่มพูดออกมาเป็นคำ เป็นต้น
ตัวอย่างของเด็กที่มีพัฒนาการล้าช้า เช่น เด็กอายุ 18 เดือนต้องเริ่มมีพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหว มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นโดยใช้ท่าทางหรือ การเคลื่อนไหว ซึ่งเด็กปกติจะเริ่มเรียนรู้ที่จะเดิน และเดินได้ในช่วงอายุ 9 – 15 เดือน แต่ถ้าอายุ 20 เดือนแล้ว แต่ยังไม่สามารถเดินได้ อาจมีความผิดปกติเกิดขึ้น
ตัวอย่าง วิธีสังเกตพัฒนาการด้านร่างกายลูกรัก
อายุ 1 เดือน: สามารถกำมือ อยู่ในท่าคว่ำมือได้
อายุ 2 เดือน: สามารถชันคอได้ประมาณ 30 องศา นำมือเข้ามาสู่แนวกลางลำตัว และสามารถคลายออกเมื่อเห็นวัตถุได้
อายุ 3 – 6 เดือน: สามารถเคลื่อนไหวแขน และมือทั้งสองข้างได้ กำมือหลวมได้ ชันคอได้มากขึ้น คอแข็งขึ้น เริ่มเอื้อมมือไปหยิบจับสิ่งของที่สนใจได้ และเริ่มทรงตัวท่านั่งได้ประมาณ 1 นาที
อายุ 7 – 9 เดือน: เริ่มยกมือ และเท้ามาที่ปาก คลานได้ เปลี่ยนจากท่านอนคว่ำมาสู่ท่านั่งได้ นั่งได้มั่นคงขึ้น เริ่มพยายามจะเกาะเดิน และพยายามเขี่ยของชิ้นเล็ก ๆ เข้ามาอยู่ในฝ่ามือได้
อายุ 10 เดือน: สามารถเกาะเดินเอง และหยิบจับสิ่งของได้
อายุ 11 – 12 เดือน: สามารถยืนเองได้ชั่วครู่
อายุ 15 เดือน: สามารถเดินได้เตาะแตะ และคลานขึ้นบันไดได้
อายุ 18 – 24 เดือน: สามารถวิ่ง เดิน และขึ้น – ลงบันได้
อายุ 3 – 5 ปี: สามารถยืนขาเดียว และกระโดดได้ทั้งขาเดียว และสองขา
อะไรที่ทำให้พัฒนาการด้านร่างกายของเด็กช้า
- โรคพันธุกรรม
พันธุกรรมเป็นปัจจัยทางด้านชีวภาพ เกี่ยวข้องกับยีนที่เด็กได้รับสืบทอดมาจากพ่อ แม่ ซึ่งโรคทางพันธุกรรมเป็นความผิดปกติของโครโมโซม ส่งผลให้เกิดความบกพร่องทางพัฒนาการ เช่น กลุ่มอาการโครโมโซมเอกซ์ (X) เปราะ (Fragile X syndrome) กลุ่มอาการพราเดอร์ – วิลลี่ (Prader – Willi syndrome) และ velocardiofascial syndrome เป็นต้น
- จากสภาพแวดล้อมก่อนคลอด
เช่น การติดเชื้อ การได้รับสารพิษทางโภชนาการ และการเจ็บป่วยของมารดา โดยจะส่งผลต่อพัฒนาการของตัวอ่อนในครรภ์
- จากกระบวนการคลอด
เกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะคลอด เช่น การคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย ภาวะขาดออกซิเจน โครงสร้างภายในยังทำงานไม่สมบูรณ์เพียงพอ ส่วนหนึ่ง คือ สมอง และหลอดเลือดในสมองอาจทำให้เกิดภาวะสมองขาดเลือด
- การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม
การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม การขาดสารอาหาร เด็กที่ไม่มีพ่อแม่หรือ ผู้ปกครองดูแลเอาใจใส่ อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่แออัด มีฐานนะยากจน เด็กถูกทอดทิ้งหรือ ถูกล่วงละเมิด ปัจจัยดังกล่าวเป็นปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมหลังคลอด ซึ่งจะส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก
แนวทางดูแลรักษา
หากพบความผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการประเมินสาเหตุที่ทำให้เกิดความบกพร่องทางพัฒนาการ วางแผนการรักษา ซึ่งหากมีข้อบ่งชี้ เช่น ภาวะเกิดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวน้อย มีปัญหาสุขภาพทางกาย การอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการพัฒนา เป็นต้น แพทย์อาจพิจารณาส่งต่อแพทย์เฉพาะทาง รวมถึงการพิจารณาให้ยาในกรณีต่าง ๆ พร้อมทั้งส่งเสริมพัฒนาการ เข้ารับการฝึกพัฒนาการด้านต่าง ๆ ให้ดีขึ้น หากเด็กมีปัญหาทางระบบประสาท และกล้ามเนื้อ ควรได้รับการดูแลโดยนักกายภาพบำบัด เพื่อป้องกันการลีบ และหดเกร็งของกล้ามเนื้อ หากมีปัญหาเกี่ยวกับการพูดควรได้รับการดูแลโดยนักกิจกรรมบำบัด และนักจิตวิทยาร่วมด้วย นอกจากนี้คุณพ่อ และคุณแม่ควรมีความรู้ความเข้าใจมากพอในการเลี้ยงดูลูกที่ถูกต้อง เพื่อประโยชน์สูงสุดในการส่งเสริมพัฒนาการ
ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด โรงพยาบาลพญาไท 3 ชั้น 16
เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00 – 19.00 น.
Phyathai Call Center 1772 หรือ
โทร. 0-2467-1111 ต่อ 1603 และ 1602