น่าจะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ได้ยินกันตั้งแต่เด็ก หลายคนน่าจะเคยถูกตำหนิเรื่องการพูดเจื้อยแจ้วระหว่างรับประทานอาหารว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะไม่ควรบนโต๊ะอาหาร และถือเป็นการเสียมารยาทต่อผู้ที่ร่วมรับประทานคนอื่น ๆ แต่รู้หรือไม่ว่านอกจากเรื่องมารยาทหรือความเหมาะสมแล้ว การเคี้ยวอาหารและพูดไปด้วยนั้น ยังส่งผลร้ายถึงชีวิตได้อย่างคาดไม่ถึง
ด้วยลักษณะของร่างกายมนุษย์ มีทางเดินอาหารและทางเดินหายใจหรือหลอดลมอยู่ติดกัน โดยมีลิ้นปิดเปิดกั้นเอาไว้ การพูดคุยขณะรับประทานอาหารจึงสามารถส่งผลให้ลิ้นเปิดปิดทางเดินอาหารกับหลอดลมที่ใช้หายใจเกิดความสับสนและปิดไม่สนิท ซึ่งเมื่อลิ้นดังกล่าวปิดไม่สนิททำให้เศษอาหารหลุดเข้าไปในระบบหายใจได้
โดยปกติแล้วเมื่อเศษอาหารหรือสิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไปในหลอดลม ระบบของร่างกายจะกำจัดออกมาด้วยการสำลัก ซึ่งหากเป็นชิ้นเล็ก ๆ การสำลักอาจช่วยได้ แต่หากเป็นชิ้นใหญ่ที่ลงไปอุดหลอดลมจนร่างกายไม่สามารถสำลักออกมาได้นั้นมีความอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิต เพราะหากร่างกายขาดอากาศเป็นเวลานานเกินไปยังส่งผลร้ายต่อสมองจนทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะเจ้าชายนิทราได้อีกด้วย
นอกจากการพูดคุยระหว่างเคี้ยวอาหารแล้ว กรณีของผู้ที่กลไกการกลืนผิดปกติจากโรคเกี่ยวกับระบบประสาทการกลืนเสียไป ตลอดจนภาวะอัมพฤกษ์อัมพาต โรคเหล่านี้ผู้ป่วยควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดระหว่างรับประทานอาหาร เพราะกลไกการขับสิ่งแปลกปลอมที่ไม่สมบูรณ์ของผู้ป่วยกลุ่มนี้ หากมีเศษอาหารเล็ดลอดไปทางหลอดลมอาจส่งผลถึงปอดได้
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็ไม่เคยเลือกเวลาเกิด วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นหากพบกรณีทำนองนี้ขึ้น คือให้ผู้ช่วยเหลือยืนด้านหลังคนที่สำลัก ใช้มือโอบไปยังด้านหน้า และกดตรงบริเวณลิ้นปี่ เพื่อกระตุ้นให้เกิดแรงดันจากกระเพาะอาหาร ผลักดันเศษอาหารที่ติดอยู่ในหลอดลมให้หลุดออกมาทางปากได้
ช่วงเวลาบนโต๊ะอาหารถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญและช่วยสานสัมพันธ์ในครอบครัวได้เป็นอย่างดี การพูดคุยสนทนากันคือสิ่งสากลที่ผู้คนทุกชนชาติสัมผัสได้ ความเสี่ยงจากเหตุการณ์นี้หมายถึงการพูดไปพร้อมกับการเคี้ยวอาหารเท่านั้น ไม่ใช่หมายถึงทุกนาทีของมื้ออาหาร ในท้ายที่สุด อย่าลืมว่าการเคี้ยวอาหารอย่างละเอียดก่อนกลืนนั้นช่วยเพิ่มรสชาติอาหารให้มากขึ้น และยังช่วยได้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย
