พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ผู้จัดการแผนกศูนย์มะเร็ง โรงพยาบาล พญาไท 3
การศึกษา : วิทยาลัยพยาบาลมิชชั่น
ประสบการณ์ทำงาน : 14 ปี
ความเชี่ยวชาญพิเศษ :  การดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง

ค่อยๆ รัก ทีละนิดๆ จนทั้งหัวใจอุทิศ ให้กับการดูแลชีวิตผู้ป่วยและงานพยาบาล

“เวลาเราเห็นเขาหาย เห็นเขาดีขึ้น มันทำให้เรารู้สึกดีนะ รู้สึกภูมิใจที่อย่างน้อยเราก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาดีขึ้นมาได้ ทำให้ครอบครัวเขาได้คนที่เขารักกลับคืนไป ได้ใช้ชีวิตต่อไปกับคนที่เขารักได้”

เหตุผลสำคัญ ที่พาให้เลือกทำตามฝันก้าวสู่อาชีพพยาบาล

คือตอนแรกก็ไม่ได้มีความรู้อะไรเกี่ยวกับพยาบาลสักเท่าไร สมัยนั้นคือมีแค่ครู พยาบาล หมอ ตำรวจ เราก็คิดเหมือนเด็กทั่วไป ว่าอยากเป็นพยาบาล เป็นพยาบาลจะได้ดูแลพ่อแม่ได้ ได้ช่วยเหลือผู้คน ได้บุญ แล้วพอได้มาเป็นจริงๆ มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ นะ คือ  พี่ได้ช่วยเหลือคนเยอะมาก มากจนเกินความคาดหมาย แต่ละอย่างในแต่ละปี แต่ละครั้งก็แตกต่างกันไป ทั้งต้องช่วยชีวิตคนแก่ ต้อง CPR ต้องเจอภาวะโศกเศร้าของครอบครัว แล้วก็ต้องช่วยเด็ก ซึ่งในแต่ละครั้งก็มีทั้งประสบความสำเร็จก็คือ เขากลับมามีชีวิตอยู่ต่อไปได้ กับที่ต้องสูญเสีย เจอหลากหลาย หลากอารมณ์มาก แล้วพอทำไปเรื่อยๆ มันก็รู้สึกว่ามันรักงานนี้เข้าไปในหัวใจ ทำไปเรื่อยๆ มันก็รู้สึกรักของมันไปเองทีละนิดๆ แล้วก็ค่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ

บริหารชีวิตและงานอย่างไร ให้ดีทั้งกับคนไข้และตัวเอง

สำหรับพี่นะ พอเรารักแล้ว พอเรารู้สึกดีกับงานที่เราทำแล้ว เราก็จะไม่มีข้อแม้ว่าจะต้องได้เงินเท่าไร ต้องจำกัดเวลาเท่านี้ เท่านั้น คือพี่ไม่ได้แบ่งแยกเวลาอะไรตายตัว เพราะเหมือนงานพยาบาลมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพี่ไปแล้ว เวลาเราเห็นเขาหาย เห็นเขาดีขึ้น มันทำให้เรารู้สึกดีนะ เรารู้สึกภูมิใจ ที่อย่างน้อยเราก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาดีขึ้นมาได้ ทำให้ครอบครัวเขา ได้คนที่เขารักกลับคืนไป ได้ใช้ชีวิตต่อไปกับคนที่เขารักได้ แล้วก็นั่นแหละ ที่มันเป็นหลักในการทำงาน ในการบริหารชีวิตของพี่ คือ ทำหน้าที่ตัวเองให้ดี แล้วมีความสุขกับการได้เห็นคนไข้ของพี่ ได้เห็นญาติคนไข้ของพี่ เขามีความสุข

พยาบาลแบบไหน ที่คนไข้ต้องการที่สุด?

อันดับแรกเลยพี่คิดว่า ต้องฟังเขา เพราะเขามีหลายเรื่องที่อยากจะพูด เขาไม่ได้อยากฟังเราหรอก เขาอยากพูดออกมาทุกสิ่งอย่างที่เขาอยากระบาย ก็ต้องฟังเขาให้ได้ก่อน หลังจากนั้นพอฟังเป็นแล้วก็ต้องพูดเป็น พูดเป็นคือพูดสิ่งที่เขาอยากรู้ ถ้าพูดไปเรื่อยเปื่อยเขาก็ไม่อยากฟัง เพราะว่าหัวใจเขาจดจ่ออยู่กับเรื่อง เช่น หายไหม ตายไหม แพงไหม ซึ่งคำถามมันก็จะมีไม่กี่คำถามหรอก แล้วหน้าที่เราก็คือตอบคำตอบให้ดี คลายกังวลเขาให้ได้ ทำให้เขามีกำลังใจที่จะสู้กับโรคต่อไปให้ได้มากที่สุด ถ้าเขาถามว่าจะหายไหม? เราจะรู้ตัวโรคอยู่แล้วว่าระยะไหนที่รักษาหาย ถ้าหายก็ตอบไปอย่างมั่นใจเลยค่ะว่าหาย แต่หายของมะเร็งมันจะคือปลอดโรคอย่างน้อย 5 ปี เราจะ Follow ทุก 5 ปี มันจะไม่ใช่หายเหมือนโรคอื่นที่เป็นไข้หวัดแล้วก็หายไปเลย หายของมะเร็งคือ โรคไม่ลุกลามไปจุดอื่น ซึ่งระยะเหล่านี้ก็คือ 1-3 แต่ก่อนที่เราจะให้ข้อมูลได้ คุณหมอต้องตรวจเอ็กซเรย์ทุกอย่างครบแล้วว่าเป็นระยะที่สามารถรักษาหาย แล้วก็ไม่กระจายไปที่อื่น แต่ถ้าระยะที่ 4 แล้วเขาถามว่าหายไหม? เราก็จะเลี่ยงไปตอบแบบอื่น จะไม่ได้ตอบว่าหายหรือไม่หาย คือมียารักษาและควบคุมโรคได้ ส่วนจะได้ขนาดไหน เราต้องช่วยกัน เราต้องช่วยให้คนไข้สู้ เพราะคนไข้ถ้าเขาไม่ให้ความร่วมมือแล้ว โรคมันก็จะมีแต่แย่ลงไปเรื่อย

ที่โรงพยาบาลพญาไท 3 อะไรคือความโดดเด่นที่สุดของการให้บริการ ?

ที่พญาไท 3 เราจะเน้นการให้บริการที่เพียงพอกับคนไข้เป็นสำคัญค่ะ เพราะถ้าอัตราส่วนของคนไข้ต่อพยาบาลมากเกินไป คือพยาบาลหนึ่งคนดูแลคนไข้เยอะมาก ก็จะทำให้พยาบาลไม่มีเวลาที่จะมาใส่ใจในรายละเอียดของแต่ละเคส ดังนั้นที่นี่เราจึงจะมีเจ้าหน้าที่ในแต่ละตำแหน่งแตกต่างกันไป ให้แต่ละคนได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ทำให้เรามีเวลาให้กับคนไข้ได้เต็มที่ ซึ่งพอให้เวลาเขาได้มาก คนไข้ก็จะรู้สึกสบายใจขึ้น แล้วก็พร้อมที่จะสู้กับโรคนั้นต่อไป ซึ่งสำหรับมะเร็งแล้ว พอรู้ว่าเป็นแล้วมันก็ไม่มีใครอยากเป็นหรอก แล้วพอไม่มีใครอยากเป็นมันก็เลยยากที่จะต้องให้เขาสู้ต่อ ดังนั้น เราต้องให้ใจเขา ให้เวลาเขา อยู่กับเขา เพื่อช่วยให้เขาสู้ต่อ แล้วเราก็สู้ไปพร้อมๆ กันกับคนไข้

อยากฝากอะไร ถึงคนไข้ที่กำลังทุกข์ใจด้วยโรคมะเร็ง ?

อยากให้เสียใจให้ที่สุด เสียใจมากๆ ไปเลยพอรู้ผล แล้วก็กลับมาตั้งต้นให้เร็วที่สุด แล้วก็รับการรักษาให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม เพราะว่าบางคนมีโอกาสเข้าถึงการรักษา แต่ว่าเขาไปอ่านนั่นอ่านนี่มาแล้วทำให้มันดีเลย์การรักษาออกไป แทนที่ระยะมันจะเป็นแค่ เสตท 1 เสตท 2 พอช้าไป มะเร็งบางชนิดมันลุกลามเร็ว พอกลับมารับยาทีหลังมันก็ช้าไปแล้ว มันเสียโอกาส คือฟังคนอื่นได้นะ แต่ว่าเราต้องมีความเชื่อมั่นในการรักษา พี่อยากให้คนไข้เชื่อมั่นในแพทย์แผนปัจจุบัน เนื่องจากว่ามันมีข้อมูลอ้างอิงได้หมดเลย ทั้งที่วัดว่ายาตัวนี้ให้แล้ว คนไข้จะมีอายุยืนยาวได้กี่ปี ควบคุมโรคได้กี่ปี ทุกอย่างมันชี้วัดได้หมด มีตัวเลขบอกแน่นอน แล้วก็มีเคสจริงรองรับ ขอให้เชื่อในสิ่งที่มันมีอยู่จริง คือเชื่อในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงด้วยก็ได้นะ แต่ว่าเชื่อเพียงแค่ทางจิตใจให้เรามีกำลังใจเป็นหลัก เพราะถ้าเกิดไปเชื่อแล้วไปเอายาหม้อยาอะไรมาใส่ตัวเอง มันก็จะมีแต่จะกลายเป็นทำลายตัวเอง ทำลายโอกาสในการรักษา และทำลายเวลาที่เหลืออยู่ของเราและครอบครัวไปด้วย

Start typing and press Enter to search